ฝึกงานต่างประเทศ ดีอย่างไร ?

การไปฝึกงานต่างประเทศ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราจะได้ทักษะเพิ่มขึ้นอย่างเข้มข้นและจริงจัง กับเชฟหรือหัวหน้างานที่มากความสามาถและพร้อมที่จะดูแลและสอนงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราได้ความรู้และความเป็นมืออาชีพกลับไปต่อยอดในอนาคตได้ และยังได้ร่วมงานกับเพื่อนๆจากหลากหลายชาติ มีโอกาสได้พัฒนาทักษาะภาษาอังกฤษหรือภาษาท้องถิ่นเพิ่มเติมอีกด้วย และยังมีโอกาสที่จะได้ sponsor ในการอยู่ทำงานต่อกับองค์กรนั้นๆด้วยค่ะ 

ฝึกงานต่างประเทศได้อะไรกลับมาบ้าง ? 

1. ทักษะในการทำงานจริงในต่างประเทศ
การที่น้องๆได้ไปฝึกงานเหมือนเป็นใบเบิกทางสำหรับการทำงานจริงในอนาคต เพราะการฝึกงานนั้นทำให้เราได้มีประสบการณ์การทำงานจริง ซึ่งเราสามารถนำเอาประสบการณ์ที่ได้รับมาอัพโปรไฟล์ของเราในการงานหางานเมื่อหลังเราเรียนจบ แล้วยิ่งเป็นการฝึกงานต่างประเทศแล้วด้วย ยิ่งได้เปรียบ หรือ ในขณะที่น้องๆฝึกงานอยู่แล้วนายจ้างต่างชาติเล็งเห็นความสามารถของน้อง น้องๆอาจจะได้รับโอกาสจากนายจ้างให้น้องกลับไปทำงานจริงหลังจากที่น้องฝึกงานจบหรือหลังเรียนจบแล้วอีกด้วยนะคะ
เพราะฉะนั้น ในช่วงระหว่างที่ฝึกงานพี่ๆขอแนะนำว่าให้น้องทำให้เต็มที่ แสดงความสามารถออกมาให้สุด เพื่อโอกาสที่ดีของน้องๆในอนาคตค่ะ

2. ทักษะด้านภาษา
การที่ได้ไปประเทศที่พูดต่างภาษา ทำให้เราต้องใช้ภาษาทุกวัน การที่ได้พูด ได้ฟัง จะทำให้เราได้ภาษาที่เก่งขึ้นแน่นอนค่ะ
ซึ่งการที่เราได้ทักษะภาษาเพิ่มขึ้น ก็เป็นโอกาสที่ดีในการทำงานจริงในอนาคตอีกด้วยนะคะ

3.ทักษะการใช้ชีวิต
เมื่อเราต้องไปอยู่ต่างแดน ต่างบ้านต่างเมือง ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควรสำหรับการปรับตัวเพื่อที่จะให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมใหม่ๆ ทำให้กล้าคิด กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้น ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้มุมมองของคนในประเทศนั้นๆและเข้าใจวัฒนธรรมต่างๆ ของเพื่อนร่วมงานที่หลากหลาย ทำให้เราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ สิ่งต่างๆที่เราต้องปรับตัวอาจะส่งผลให้เรา มั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และได้เห็นอีกมุมมองที่เราอาจจะไม่เคยเห็นก็ได้นะคะ

เอกสารนั้น สำคัญไฉน

เมื่อได้การตอบรับการฝึกงานจากองค์กรและประเทศที่ถูกใจแล้ว สิ่งสำคัญสุดๆ ที่ขาดไม่ได้เลย คือเรื่องของการเตรียมเอกสาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งจุดนี้จะเป็นการรับรองว่าเราสามารถไปฝึกงานต่างประเทศได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่น้องๆไม่ต้องกังวลเรื่องของการจัดเตรียมเอกสารเลย พี่ๆจะคอยดูแลเรื่องเอกสารอย่างครบถ้วนในการที่จะสมัครเข้าโครงการฝึกงานต่างประเทศตลอดจนการยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศนั้นๆ หรือบางทีก็อาจจะมีการขอเอกสารเพิ่มเติม แล้วแต่นโยบายที่บริษัทและประเทศนั้นๆ กำหนดไว้ ดังนั้นควรหาข้อมูลเพิ่มเติมไว้ด้วยจากเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลประเทศนั้นๆ

ภาษาเป๊ะ ชีวิตปัง

ว่าด้วยเรื่องของการทำงานต่างประเทศ ทักษะที่ตีคู่กันมาเลย คือเรื่องของภาษา ซึ่งถือเป็นความสามารถหลักที่ทุกคนต้องมีติดตัวไว้ โดยเฉพาะภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณจะต้องทำการบ้านตรงนี้อย่างหนักหน่วง เพื่อใช้ในการพูดและการสื่อสาร สำเนียงอาจจะไม่ต้องเป๊ะ แต่จำเป็นต้องเข้าใจได้และมีความเป็น Professional พอสมควร อาจจะบอกจุดชี้ถือเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ว่าคุณจะได้งานนี้หรือไม่ เพราะนอกจากจะใช้ภาษาในการสัมภาษณ์ สุดท้ายเมื่อเข้าไปทำงาน เราก็ต้องใช้ภาษาในการทำงานกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานอยู่ดี

และหากใครมีสกิลเสริมเป็นภาษาที่ 3 ด้วยแล้ว บอกเลยว่าได้คะแนนบวกอีกแน่นอน โดยเฉพาะถ้าประเทศที่คุณเลือก มีการใช้ภาษาของเขาเป็นหลักมากกว่าภาษาอังกฤษ เช่น  ญี่ปุ่น เกาหลีใต้  ฝรั่งเศส  เป็นต้น

ศึกษาข้อมูลบริษัทและประเทศที่จะไป

ในการสัมภาษณ์งาน แม้จะเป็นการหางานในไทย เรายังต้องทำการบ้านเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทนั้นๆ แล้วยิ่งถ้าเป็นการฝึกงานต่างประเทศแล้วล่ะก็ เรายิ่งต้องมีข้อมูลของบริษัทอัดแน่นเป็น 2 เท่า เพราะอย่าลืมคู่แข่งในการสัมภาษณ์ย่อมมีกว่าการหางานในบ้านเกิดแน่นอน การหาข้อมูลต่างๆ ยังควรรวมไปถึงเรื่องราวของประเทศที่เราจะไปด้วย เพราะถ้าในฐานะที่คุณเป็นต่างชาติ หากเรามีข้อมูบของเจ้าถิ่นอยู่ในมือ ก็จะยิ่งได้เปรียบและแสดงได้ว่าเราพร้อมที่ทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน

ในยุคโควิดแบบนี้ ส่วนใหญ่การสัมภาษณ์งานเป็นการคุยผ่านวิดีโอคอล ควรเตรียมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณให้พร้อม รวมไปถึงโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ทางบริษัทนั้นใช้ เช่น Google Meet, Zoom หรือ Skype เพราะบางประเทศอาจนิยมใช้โปรแกรมที่แตกต่างกัน อย่าลืมเช็คความเร็วของอินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ เพราะถ้าภาพหรือเสียงขาดๆ หายๆ อาจทำให้การสนทนาไม่ราบรื่น ติดขัด เราอาจพลาดข้อมูลสำคัญ และดุไม่เป็น Professional ได้

เมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องเตรียมใจกันบ้าง โดยเราสามารถนำหลักการที่เราเคยใช้ในการสัมภาษณ์ในไทยมาประยุกต์ใช้ได้เล ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสติให้ดี อย่าตื่นเต้น ซ้อมตอบคำถามให้ตรงประเด็น ฯลฯ โดยสิ่งสำคัญก็คือเรื่องภาษาดังที่กล่าวไปข้างต้น ที่เราจะต้องทำการบ้านหนักกว่าตอนสัมภาษณ์ในไทยเล็กน้อย

เตรียมตัวรับความกดดันและเงื่อนไขที่แตกต่าง

ในแต่ละบริษัทมักจะมีเงื่อนไขในการทำงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเวลาทำงาน วันหยุด วันลาพักร้อน สวัสดิการ ประกันสุขภาพ รวมไปถึงวันหยุดราชการที่มากน้อยต่างกันในแต่ละประเทศ เพราะบางอาจจะเคยชินกับบ้านเราที่มีวันหยุดราชการค่อนข้างเยอะ แต่บางประเทศอาจจะมีวันหยุดเหล่านี้ไม่มากนัก นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกฎระเบียบต่างๆ ในการทำงานของแต่ละประเทศที่ต้องใส่ใจและปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด สิ่งเหล่านี้เราควรเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม

พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ

แน่นอนว่าเมื่อไปอยู่ต่างประเทศ ชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมต่างๆ ย่อมแตกต่างจากบ้านเราอย่างสิ้นเชิง เราควรเตรียมใจไปเนิ่นๆ เผื่อเจอเหตุการณ์แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอ จะได้ไม่เกิดอาการ Culture Shock หากมีเวลาว่างจากการทำงาน ควรหาเวลาไปเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ชีวิตความเป็นอยู่ และผู้คนใหม่ๆ ในประเทศนั้นๆ เพื่อจะเป็นการปรับตัวให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ยังจะช่วยให้เราเข้าสังคมกับเพื่อนที่ทำงานชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

วางแผนการใช้จ่าย

เราควรวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายและคำนวณให้ดี เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องของวีซ่า เอกสารต่างๆ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเดินทางในประเทศนั้นๆ ค่ากินอยู่ ภาษีที่ต้องจ่าย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ หากบริษัทไหนดูแลเรื่องประกันสุขภาพให้ก็ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าไม่มีล่ะก็ บอกเลยว่าเรื่องใหญ่ เพราะว่าค่ารักษาพยาบาลในบางประเทศนั้นค่อนข้างแพงเลยทีเดียว จึงต้องมีการคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดี ให้สอดคล้องกับเงินเดือนที่ได้รับ

เรื่องของสุขภาพ ก็สำคัญไม่แพ้กัน

ดังที่กล่าวไปว่าเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ ควรตรวจสุขภาพสักหนึ่งครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเราสุขภาพแข็งแรงพอ หรือไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ มารุกราน อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการเป็นโรคต้องห้ามต่างๆ ในการไปทำงานต่างประเทศด้วย

สรุปการฝึกงานต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

การฝึกงานต่างประเทศในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรามั่นใจว่าเรามีทักษะ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เพียงพอ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เพื่ออนาคตที่สดใสของเรา อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ๆ ขอเพียงแค่ต้องมีการเตรียมตัวที่ดี แล้วหนทางโกอินเตอร์จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นชัวร์ๆ

หางานที่เปิดรับคนไทย

อันดับแรกเลย คือเราต้องหาบริษัทที่พร้อมเปิดรับคนต่างชาติเข้าทำงาน โดยเฉพาะคนไทย เพราะบางประเทศหรือบางบริษัท มักให้ความสำคัญในเรื่องของเชื้อชาติพนักงานเป็นหลัก บางที่อาจมองหาพนักงานที่มีสัญชาติของประเทศนั้นๆ ก่อน มากกว่าที่รับพนักงานต่างชาติ แต่หากเป็นบริษัทใหญ่ๆ ที่มีสำนักงานอยู่ในหลายประเทศ ส่วนใหญ่ก็มักจะยินดีรับพนักงานที่เป็นต่างชาติเข้าทำงานอยู่แล้ว

ค้นหาตำแหน่งที่ใช่

เมื่อได้ข้อมูลคร่าวๆ ว่าบริษัทไหนที่เปิดรับพนักงานชาวต่างชาติกันบ้าง คราวนี้ก็ถึงเวลาเจาะจงตำแหน่งที่ต้องทำงานกันบ้าง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเข้าเว็บไซต์หางานชั้นนำที่ให้บริการทั้งในและต่างประเทศ อย่างเช่น JobsDB ที่ให้บริการทั้งในไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งใครสนใจอยากหางานที่สิงคโปร์และฮ่องกง ก็สามารถเข้ามาเลือกงานที่ตรงใจคุณได้เช่นกัน พร้อมทั้งฝากประวัติให้บริษัทนั้นๆ ติดต่อได้เช่นเดียวกับการหางานในไทยเลย โดยทริคเล็กๆ ที่เราอยากแนะนำก็คือ ลอง Seach Keyword คำว่า Thai ในโหมดการหางานประเทศนั้นๆ เพียงเท่านี้เราก็อาจจะได้เจองานที่สามารถใช้ภาษาไทยหรือรับคนไทยเข้าทำงานได้

ส่วนอีกหนึ่งวิธีที่ตอนนี้นิยมกันก็คือ การสร้างโปรไฟล์ใน Linkedin สื่อสังคมออนไลน์ที่คนส่วนใหญ่มักจะสมัครไว้เพื่ออัปเดตโปรไฟล์งานของตัวเอง แถมยังสามารถแอดเพื่อนหรือคอนเนคชันต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องงานได้แบบ Worldwide ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้รู้จักกับ CEO หรือ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างๆ ก็เป็นได้ หรือวันดีคืนดี หากมี HR ของบริษัทไหน เห็นว่าประวัติการทำงานของคุณน่าสนใจ ก็อาจจะ Inbox มาติดต่อแบบข้ามประเทศได้เช่นกัน

เสริมให้อีกหนึ่งช่องทางกับการเดินงาน Job Fair ที่มักมีบริษัทชั้นนำมาออกบูธให้กับคนที่สนใจได้ลองยื่นใบสมัครกันแบบสดๆ หน้างาน ซึ่งไม่แน่ว่าในอีเว้นต์ครั้งนั้นที่จัดขึ้น ก็อาจมีบริษัทจากต่างประเทศมาร่วมออกบูธด้วยก็เป็นได้

ติดต่อ